Tuesday, May 12, 2009

Autumn Leaves



Autumn Leaves เป็นเพลงยอดนิยมที่แพร่หลายรู้จักกันดีมากเพลงหนึ่ง มีการนำเพลงนี้ไปร้องและบรรเลงกันในแทบจะทุกแนวดนตรี เอาทำนองไปใส่เนื้อร้องกันมากมายหลายภาษา รวมทั้งภาษาไทยของเราด้วย ในทางแจ๊สสำหรับนักดนตรี Autumn Leaves ก็เป็นเพลงพื้นฐานสำคัญเพลงหนึ่ง ที่ต้องเรียนรู้ตั้งแต่ย่างเท้าก้าวแรกเข้ามาศึกษาถึงศาสตร์แห่งการด้นไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย ตราบเท่าที่ยังผูกพันอยู่กับดนตรีแจ๊สนี้

ในความเป็นอินเตอร์ของ Autumn Leaves ซึ่งนับได้ว่าเป็นสมบัติร่วมอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งแห่งมวลมนุษยชาติ ความเป็นมาของเพลงนี้มีความน่าสนใจให้รับรู้เป็นกับแกล้มประกอบการดื่มด่ำในเสียงเพลงไม่น้อยทีเดียว ชื่อ Autumn Leaves ที่คนทั้งโลกส่วนใหญ่คุ้นเคยนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพลงฝรั่งเศส มีชื่อจริงว่า Les Feuilles Mortes ( บางครั้งก็เรียก Hojas Muertas) ซึ่งเป็นผลงานของ Joseph Kosma (1905 1969) นักแต่งเพลงชาวฮังกาเรียน ใส่เนื้อร้องโดยกวีชาวฝรั่งเศส Jacques Prevert (1900 – 1977) Kosma เป็นคีตกวีที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องแต่งเพลงประกอบหนัง มีผลงานโดดเด่นในทำเนียบภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ตลอดกาลหลายเรื่อง จากการทำงานร่วมกับ Jean Renoir ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนานของฝรั่งเศส ผลงานส่วนใหญ่ของ Kosma จะกระเดียดไปทางแนวดนตรีคลาสสิก ซึ่งได้รับการบ่มเพาะมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ เขาเรียนดนตรีที่ Budapest Conservatory แล้วได้ทุนไปต่อที่ Berlin Opera ประเทศเยอรมัน หลังจากนั้นเริ่มสั่งสมประสบการณ์กับ Bertolt Brecht ในปี 1929 ได้เรียนรู้ซึมซับแนวทางจากโอกาสการทำงานร่วมกับคีตกวี Kurt Weill และ Hanns Eisler พอปีกกล้าขาแข็งก็ย้ายไปอยู่กรุงปารีส ปี 1933 ร่วมบุกเบิกสร้างตำนานกับ Jean Renoir ตั้งแต่ปี 1936 ในช่วงที่กำลังรุ่งมากยังได้ร่วมงานกับนักเขียนบทหนัง Jacques Prevert เขียนเพลงประกอบบัลเลต์เรื่อง Rendezvous ในปี 1945 ได้กลายเป็นคู่ขาแต่งเพลงร่วมกันหลายเพลง รวมไปถึงต้นแบบดั้งเดิมของ Autumn Leaves ในปี 1947 ซึ่งต่อมาได้ถูก Johnny Mercer นักแต่งเพลงอเมริกันชื่อดังนำเอาไปแปลงสัญชาติ ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ จนเป็นที่แพร่หลายไปทั่ว

มาฟังเพลง Autumn Leaves กัน เราไปเริ่มต้นที่ถิ่นกำเนิดเลย เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว นักฟังเพลงในฝรั่งเศสเริ่มรู้จักเพลงนี้จากเสียงเซ็กซี่ของ Juliette Greco ดารานักร้องสาวสวย ในเวอร์ชันของเธอเราได้ฟังท่อนสร้อย ที่ภายหลังถูกศิลปินอื่นๆตัดทิ้งไป นำขึ้นมาก่อนด้วยลีลาช้าเนิบเศร้าๆ จังหวะมาเน้นกระชับในช่วงทำนองหลัก แต่ก็ยังคงอารมณ์เหงาไว้ทั้งเพลง 










ของ Edith Piaf ราชินีเพลงฝรั่งเศส ก็มาในลีลาบัลลาดเช่นกัน ขึ้นต้นด้วยเนื้อร้องอังกฤษแล้วตามด้วยฝรั่งเศสเต็มเที่ยว ตัดเข้าจบด้วยท่อนหลังในภาคอังกฤษ 







ส่วนในเวอร์ชันของYves Montand ดารานักแสดงระดับนานาชาติ และยังเป็นนักร้องชายยอดนิยมของฝรั่งเศสด้วย เกริ่นนำขึ้นต้นเพลงด้วยบทพูด พอเข้าร้องทำนองหลักก็จะเน้นไปที่เสียงร้องนุ่มน่าฟังของ Montand มีเสียงแอคคอร์เดียนคลอตอบรับ บนฐานจังหวะยืนพื้นแบบบัลลาดของเบสและกีตาร์ แล้วเว้นช่วงให้แซ็กโซโฟนเป่าทำนองในลีลาแจ๊ส กลมกลืนไปกับเสียงพลิ้วโรแมนติกของแอคคอร์เดียนฝรั่งเศส Montand วกกลับมาร้องปิดเพลงได้อย่างน่าประทับใจมาก เพลงนี้ทำให้เขาได้รับแผ่นเสียงทองคำจากยอดขายเกินล้านแผ่น ในปี 1954 นับเป็นปรากฏการณ์สำหรับยุคนั้นของวงการเพลงในฝรั่งเศส




ในทางสายแจ๊สนั้น Miles Davis ได้เครดิตเป็นผู้นำ Autumn Leaves มาเผยแพร่จนกลายเป็นเพลงสแตนดาร์ด แม้ว่าจะมีคนอื่นนำมาอัดเสียงตัดหน้าไปก่อนแล้วก็ตาม อย่าง Erroll Garner ในอัลบั้มดังของเขา Concert by the Sea (1955) ไมล์รู้จักกับเพลงนี้จากจูเลียต เกรโค ผู้ปลุกกระแสเพลงนี้โดยตรง เขาเป็นเพื่อนผู้รู้ใจกับดาราสาวสวยอยู่หลายปี เริ่มตั้งแต่ ปี 1949 ในเวอร์ชันนิยามของ Autumn Leaves นี้ ไมล์ เดวิสนำเพลงมาอัดเสียงภายใต้การนำวงของนักอัลโตแซ็ก Cannonball Adderley ในชุด Somethin' Else ให้กับค่ายแผ่นเสียง Blue Note นอกจากได้นายวงอย่างไมล์มาช่วยเป่าแตรให้แล้ว แอดเดอร์ลีย์ยังไหว้วานยอดฝีมืออย่างนักเปียโน Hank Jones มือเบส Sam Jones และมือกลอง Art Blakey มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในวันที่ 9 มีนาคม 1958 ด้วย พวกเขาเล่นกันอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ บทโซโล่ของทุกคนลงตัว สวยงาม มีสาระชวนให้ติดตาม ไมล์ เดวิสเด่นเท่จากการเป่าทำนองด้วยทรัมเป็ตผ่านฮาร์มอน มิวต์(Harmon Mute) ซึ่งช่วยกรองเสียงแตรให้นิ่มนวล น่าฟังไปอีกแบบ





ยอดนักเปียโนแจ๊ส Bill Evans มีความผูกพันอยู่กับเพลงนี้มาก เขาเล่นบันทึกเสียงตีความในหลายมุมมองหลายครั้งด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ Portrait in Jazz (1959) อัลบั้มชุดแรกในการร่วมงานกับ Paul Motian(กลอง) และ Scott LaFaro(เบส) ทริโอสุดยอดของเขา เราได้ฟัง Autumn Leaves ให้เปรียบเทียบกัน 2 เทค จุดเด่นของเวอร์ชันนี้ คือ ช่วงโซโล่โต้ตอบกันระหว่างลาฟาโรและแอเวน ลาฟาโรเป็นนักเบสหัวก้าวหน้าในยุคนั้น เขาคือต้นแบบสำหรับนักเบสรุ่นใหม่ 







ต่อมาแอเวนยังได้บันทึกเสียงเพลงโปรดนี้ร่วมกับ Eddie Gomez คนเบสคู่ใจคนต่อมา ใน Quiet Now (1969) 






และได้เล่นสั่งลาก่อนเสียชีวิตเพียงอาทิตย์เดียว ร่วมกับทีมทริโอสุดท้าย ซึ่งมี Marc Johnson(เบส) และ Joe LaBarbera (กลอง) ที่ได้รับการยกย่องว่า เทียบได้กับทีมตำนานทีมแรกใน Last Waltz: The Final Recordings Live (2000) ลองหามาฟังเปรียบเทียบกันดู




Joe Pass เลือกเอา Autumn Leaves เป็นเพลงโชว์เดี่ยวกีตาร์โปร่ง ในชุดประวัติศาสตร์ Virtuoso (1973) และ Virtuoso No. 4 (1973) 

 

 ต่อมานักกีตาร์แจ๊สรุ่นน้องจากแคนาดา Lenny Breau เสียบแอมป์เปิดโวลุ่มเบาๆ บรรเลงเดี่ยวได้น่าทึ่งไม่แพ้กัน ใน Five O'clock Bells/Mo Breau (1977) 



และยังมีเวอร์ชันที่น่าแสวงหามาฟังโดยนักกีตาร์แจ๊สรุ่นใหญ่อย่าง Barney Kessel ใน Live At Blues Alley  






และTal Farlow จาก Interpretations of Tal Farlow (1955), Tal Farlow ‘78 (1977) 






ของ Jimmy Raney ชุด Live in Tokyo (1976) ก็ดีมากในแบบทริโอ 





นักกีตาร์รุ่นใหม่อย่าง Stanley Jordan ก็ชอบจิ้มคอกีตาร์เล่นเพลงนี้ ใน Cornucopia (1986) และ Live in New York (1998) และ Stolen Moments (1990) 





 และถ้าจะถามหาถึงสุดยอดของการเล่นคู่ ก็คงไม่มีใครเกิน Jim Hall(กีตาร์) กับ Ron Carter(เบส) ใน Alone Together (1972)




นักร้องนักดนตรีแจ๊สขยันเอา Autumn Leaves มาอัดเสียงกันมากมายมหาศาลไม่รู้เบื่อ สำหรับนักฟังที่ชอบเพลงนี้ก็จะติดตามซื้ออย่างแฟนพันธุ์แท้เหมือนกัน คงจะต้องเป็นเรื่องยาวมาก ถ้าจะให้พูดถึงแต่ละเวอร์ชันที่โปรด ซึ่งคงอ้างอิงไปได้เรื่อยๆอีกหลายตอน ขอแถมท้ายด้วยเสียงหีบเพลงปาก (Harmonica) ของToots Thielemans จาก Live in the Netherlands (1980) ฟังแล้วสดชื่นมาก แต่ยังอยากฟังอีก เลยต้องต่อด้วย Do Not Leave Me (1986) และตามด้วย Toots Thielemans & Kenny Werner (2001)











  เสร็จแล้วไปฟัง Mel Torme ร้องในบรรยากาศแจ๊สคลับ Encore at Marty's, New York (1982) ก่อนขึ้นเพลงแกบอกคนฟังให้รัดเข็มขัดเก้าอี้นั่งให้แน่น แล้วพาไปซิ่ง ในช่วงกลางเพลงแกรัวลิ้นร้องสแคทเร็วมาก เรียกเสียงเฮดังจากคนดู น่าประทับใจมากครับ 




 
ขอปิดท้ายกับเวอร์ชันของ Sarah Vaughan ในอัลบั้ม Crazy and Mixed Up (1982) เปิดฉากด้วยเสียงกีตาร์ของ Joe Pass นำขึ้นมาก่อน แล้วซาร่าห์ วอห์นก็สแคทรับต่อยาวไปเลย ตั้งแต่โน้ตแรกจนจบเพลง ไม่มีอ้างอิงถึงทำนองหลักของเพลงเลย อาศัยโครงสร้างเพลงเป็นโจทย์เพียงอย่างเดียว บอกให้รู้ว่าเป็น Autumn Leaves จากชื่อเพลงเท่านั้น





มุมมองเชิงวิเคราะห์ Autumn Leaves สำหรับนักศึกษาวิชาดนตรี


เพลงนี้มีความยาวมาตรฐาน 32 ห้อง อยู่ในลักษณะฟอร์ม AABC ความยาวท่อนละ 8 ห้อง มีสำเนียงทำนองในทางไมเนอร์ นิยมเล่นกันในคีย์ G minor เป็นเพลงทำนองหวาน ที่เล่นกันได้ในระดับความเร็วทุกอัตราจังหวะ ไม่ว่าจะเล่นในแบบบัลลาด หรือลีลาลาติน หรือเร่งสปีดให้เร็วในจังหวะสวิง ในส่วนโครงสร้างของฮาร์โมนีโดยรวม จะเป็นการสลับไปมาระหว่างรีเลทีฟเมเจอร์ไมเนอร์คีย์ (ในที่นี้คือคีย์ Bb Major และ G minor) ซึ่งดูๆแล้วก็ไม่ซับซ้อนอะไร แต่อย่าหลงผิดคิดว่าเป็นเพลงตื้นๆ ธรรมดาก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้น เหล่าครูเพลง ปรมาจารย์แจ๊สทั้งหลายคงไม่เอามาเป็นโจทย์ ให้เป็นการบ้านกันอยู่ตลอดชีวิตหรอกครับ



(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสาร Overdrive ปี 2005)

2 comments:

  1. ชอบเพลงนี้มากครับ แต่ไม่เคยรู้ว่ามีเนื้อร้อง ...เศร้า เหงาแบบ โรแมนติกมากๆครับ...

    ReplyDelete
  2. ผศ.ชรินทร์ อินทะสุวรรณ์ แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ได้โพสต์เพลงนี้ในเฟซบุ๊กของท่านไว้หลายเวอร์ชั่น แฟนแจ๊สกีตาร์น่าจะสะใจครับ
    เข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/charin.intasuwan?fref=ts

    ReplyDelete